สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ จากอัพไลน์ในธุรกิจเครือข่าย (หรือ ขายตรง) ในอดีต จนถึงปัจจุบัน ที่ผมได้เรียนรู้จากประธานหมอสิทธวีร์ เกียรติชวนันท์ ซึ่งเป็นประธานผู้ก่อตั้ง Successmore และที่ปรึกษาของผมธุรกิจนี้ ลองมาไล่เรียงกันทีละข้อกันนะครับ
1) ทำงานหนัก แต่ไม่เรียนรู้ : ช่วงแรกควรจัดเวลา 70% ให้กับการเรียนรู้จากระบบ SLA และออกทำเนื้องาน 30%
2) จัดเวลาไม่เป็น : ใช้เวลาไปกับการเดินทางไปสปอนเซอร์ไกลๆ และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขายสินค้า จริงๆควรจัดเวลาให้กับงานฟังก์ชั่นก่อน เพื่อให้มีความรู้ และทักษะเพิ่มมากขึ้น (จัดเวลาฟังก์ชั่นที่มีคนเยอะมาก่อน คือ รายเดือน รายสัปดาห์ และค่อยจัดเวลางานรายวัน หรือเนื้องานส่วนตัว)
3) ทำงานลุยเดี่ยว : ไม่ปรึกษาอัพไลน์ ทำแบบผิดๆ ไม่มีการใช้งาน edification ที่ถูกต้อง โอกาสสำเร็จก็ลดน้อยลง
4) คุยกับตัวเองไม่จบ : why ไม่ชัด เดี๋ยวฟูเดี๋ยวแฟบ รักษาระดับอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องการสำเร็จจริงๆ ไม่ได้ เมื่อเจอปัญหาอุปสรรเล็กน้อย ก็ห่อเหี่ยว ใจสะออน
5) เป้าหมายไม่ชัด : ทำงานแบบเรื่อยๆ ไม่ได้วางเป้าหมายระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ , ไม่มีพิมพ์เขียว (Blue print) ขององค์กร , “ไม่มีใครประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเป้าหมาย”
6) คิดลบ : บ่นนั่น บ่นนี่ สารพัดข้ออ้าง กล่าวโทษ ไม่มีพลังในการขับเคลื่อนตนเอง ตีความเรื่องที่ไม่เป็นใจให้เป็นอุปสรรค ไม่ตีความว่านี่การธรรมชาติ นี่คือบทเรียน ไม่ใช่ความล้มเหลว
7) ส่งลบลงล่าง : ทำลายความเชื่อมั่นองค์กรตนเอง ทีมงานหมดพลัง ให้ปรึกษาเรื่องลบขึ้นหาอัพไลน์เพื่อปรึกษาหารือ เรื่องบวกลงล่าง
8) ไม่สื่อสารเรื่องบวก : รับข้อมูลเรื่องบวกมาแล้ว ไม่มีวินัยในการส่งต่อให้ทีม, ทีมงานไม่ได้ข้อมุลที่เพิ่มความเชื่อมั่น ไม่โปรโมทงานฟังก์ชั่น ธุรกิจเติบโตช้าเหมือนทำธุรกิจคนเดียว
9) รอทุกอย่างพร้อม : ขอให้ทุกอย่างพร้อมจึงจะลงมือทำ ถ้ามีสิ่งสนับสนุนพร้อมทำเต็มที่ ซึ่งต้องให้ทำเต็มที่กับส่ิงที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
10) ใช้เครื่องมือน้อย : ไม่เคลื่อนคนเข้างานฟังก์ชั่น (ให้เคลื่อนคนเข้าระบบ 100%) “ใครเคลื่อนคนเข้าระบบมากที่สุด ประสบความสำเร็จมากที่สุด” , ไม่ฟังซีดี ไม่อ่านหนังสือ, ไม่ปรึกษาอัพไลน์, ไม่ทำงานเป็นทีม, ทีมมีความรู้ ทักษะ และพลังน้อย, ธุรกิจเติบโตช้า ไม่สำเร็จ ดังนั้น ต้องตัดสินใจเป็น Core leader ทำ 6 ข้อ
11) ไม่สร้างเครื่องมือสนับสนุนธุรกิจ : ไม่เคยจัด HM ซึ่งควรจัดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง, ไม่ร่วมวางแผนในการจัด restart GetStart, ไม่ทำ after meeting, ไม่สื่อสารข้อมูลต่างๆ ให้องค์กร (ควรตั้ง line กลุ่มตัวเอง และสื่อสารข้อมูลด้วยตนเอง)
12) ไม่ส่งผ่านความรู้และทักษะ : ไม่มีเทรนนิ่งกลุ่มย่อย เพื่อให้ความรู้เรื่องการเริ่มต้น เป้าหมายเพื่อให้ทีมเข้าใจระบบ SLA 3456 โดยเร็วที่สุดด้วยตัวคุณเอง , หน้าที่ของเราคือการสอนคน ถ้าสอนคนได้ ทุกคนก็เติบโต, รายได้ของเราแปรผันตามความรู้ของคนในองค์กร
13) ไม่ประเมินองค์กร : ไม่มีความรู้ และทักษะในการประเมินองค์กร ทีมตั้งเป้าหมายแล้ว เราไม่ช่วยติดตามและประเมินผล ไม่ใช้ vital sign และตัวชี้วัดต่างๆ KPI ในการประเมินองค์กร , ประเมินว่าทีมไม่ถึงเป้าหมายแน่แล้ว ก็ปล่อยผ่าน ไม่หาหนทางแก้
14) ไม่โค้ชชิ่งองค์กร : ปล่อยให้แต่ละคนในองค์กรเติบโตไปตามยถากรรม , คนในองค์กรไม่มีเป้าหมาย , why ของเป้าหมายไม่ชัดเจน ล้มเลิกง่าย , ควรโค้ชชิ่งทีม 2 ครั้งต่อเดือน (ต้นเดือน และกลางเดือน) ครั้งละ 20-30 นาที , เพื่อให้ทีมชัดเจนต่อเป้าหมาย และมีแผนงานไปสู่เป้าหมาย
15) ติดตามผิดคน : ไม่เข้าใจเทคนิคการกรองคนที่ใช่จากฟังก์ชั่น มัวแต่ตามคนที่อยู่นอกฟังก์ชั่น เสียเวลาติดตามคนไม่กี่คน ไม่ค้นหาผู้นำจากคนใหม่ๆ
16) judgement ผิดพลาด : เมื่อฟังปัญหาระหว่างคนในองค์กร ต้องเป็นกลาง อย่าหูเบา จะเกิดความแตกแยกในองค์กร
17) ไม่โปรโมทองค์กร : ขาดทักษะในการโปรโมท ได้ใช้เครื่องมือที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นน้อย, ต้องโปรโมทให้เชื่อองค์กรก่อนที่จะเชื่อตัวบุคคล
18) ไม่บริหารความเชื่อ : เมื่อเกิดปัญหา ความเชื่อมั่นจะลดลงเสมอ พลังจะลดน้อยลง ต้องใช้ฟังก์ชั่นงาน และโค้ชชิ่งกับอัพไลน์เสมอ เพื่อให้มีพลัง และรักษาระดับความเชื่อไว้ได้
19) ไม่ edify อัพไลน์ : และอัพไลน์ต้องส่งพลังกลับด้วย อย่าลืมนะ
20) ให้คำปรึกษาข้ามสายงาน : เพราะไม่เข้าใจว่าเป็นข้อห้ามทางธุรกิจ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อ Line of Sponsor (LOS)
21) ตั้งชื่อกลุ่มตัวเอง : และประกาศให้คนรับรู้ เป็นค่านิยมที่ผิด ซึ่งทำมีความแตกแยกกันเกิดขึ้น ทำให้คนในกลุ่มอื่นๆ เกิดความอึดอัด ขาดความสามัคคี , ควรเรียกว่าอยู่ในสายงานของใครก็พอ
22) Over Motivate : ได้หมื่นบอกแสน ได้แสนบอกล้าน สร้างความคาดหวังผิดๆ ไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องประชุม ไม่ต้องขายของ เมื่อทำไม่ได้ ก็จะล้มเลิกเร็ว
23) ทำผิดกฎจรรยาบรรณ : ไม่ซื่อสัตย์ ต้องการสำเร็จเร็ว ซื้อปิดยอด แล้วเอาไปขายตัดราคา (ปัจจุบัน บริษัทฯ ตัดรหัสไปแล้ว 400 กว่ารหัส) , ชวนสมาชิกคนอื่นให้มาสมัครกับตนเอง
24) Commit ในเรื่องที่ทำไม่ได้ : เช่นนัดดาวไลน์แล้วไม่ไปตามนัด รับปากกว่าทำได้ แล้วทำไม่ได้ ให้โปรโมชั่นดาวไลน์แล้วไม่ให้ตามสัญญา
25) ยืมเงิน หรือ ยืมสินค้า : ไม่ควรยืมทั้งอัพไลน์ และดาวไลน์ (รวมถึงไซด์ไลน์) เมื่อคืนไม่ได้สายสัมพันพ์จะเสียรุนแรง, เจ้าหนี้ก็ทวง ลูกหนี้ก็หนี สุดท้ายก็ “วงแตก” เพราะว่าคนยืมจะมีวิธีคิดว่า ก็อัพไลน์ได้เงินโบนัสไปแล้ว ก็คืนช้าหน่อยจะเป็นไรไป ซึ่งเป็นวิธีคิดที่จะทำให้พังแน่นอน
26) มีเรื่องชู้สาว : เข้ามาทำธุรกิจเพื่อสร้างชีวิต ไม่ได้มาหากิ๊ก คนถูกตามจะรำคาญ แล้วก็จะหายไปจากธุรกิจ สร้างความแตกแยกในครอบครัว ไม่ได้เป็นอย่างที่ดี
27) ชอบเอาเปรียบ : ดูแต่ยอดจาก Back Office แต่ไม่ทำงานพื้นฐาน ไม่ไปร่วมจัด HM, ReStart หรือ Training, ปล่อยให้ทีมทำงานหนัก แต่ตนเองสบาย
28) ทำธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 1 ธุรกิจ (ที่เป็นเครือข่าย) : จับปลาสองมือ ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดี , ดาวไลน์ลอกเลียนแบบ , ล้มเหลวแน่นอน , เกษียณไม่ได้ แม้ว่าเราจะไปขายสินค้าแบบ SLM ก็ทำไม่ได้ เพราะยังไงก็ไม่สำเร็จ
หากคุณต้องการความสำเร็จ และสนใจเครื่องมือ #ธุรกิจเครือข่าย และ #ธุรกิจซัคเซสมอร์ ลองแอดไลน์ มาพูดคุยกันก่อนได้นะครับ ยินดีตอบทุกคำถามคาใจของคุณ LINE
ขอบคุณที่ติดตามครับ
หนึ่ง พัสกร
ใส่ความเห็น